เสียงดังมาจากในห้อง
ทีมงานทั้งหมดเข้าตรวจค้นภายในเรือพวกเขาเดินผ่านทางเดินเรือ ทุกคนเงียบกันหมด เพราะเรือลำนี้มีบรรยากาศที่น่าขนลุก และมันก็เงียบมาก อาเธอร์รู้สึกว่าเรือลำนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ และเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะค้นหาว่าสิ่งนั้นคืออะไร
เรือลำนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าจะกลับไปถึงประตูที่เข้ามา เมื่อพวกเขามาถึงห้องที่อาเธอร์ว่าไว้ ทุกคนมองไปที่ประตูนั้นแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าดูเหมือนจะมีของสำคัญซ่อนอยู่ข้างใน แต่จู่ๆ ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น
มีเสียงดังออกมาจากห้องนั้น!! ทุกคนได้ยินเสียงประหลาดนั้นอย่างชัดเจนทำให้อาเธอร์หันกลับไปดูท่าทีของลูกทีมเขาเห็นได้ชัดว่าแวววตาของทุกคนหวาดกลัวและพร้อมหันหลังกลับทันที แต่อาเธอร์จะไม่ทำอย่างนั้น
มีใครบางคน?
อาเธอร์คิดว่าอาจจะมีคนติดอยู่ในห้องนั้น แต่มันก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะสภาพเรือนี้เหมือนจมมาหลายสิบปีแล้ว แต่อาเธอร์เลือกที่จะตะโกนถามด้านในว่า มีใครอยู่ในนั้นมั้ย!! อาเธอร์ทำอย่างนั้นหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา
อาเธอร์ถามย้ำแล้วย้ำอีก ก็ไม่มีใครตอบ อาเธอร์รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เพราะข้างในดูเหมือนมีอะไรใหญ่โตซ่อนอยู่ และเสียงที่ได้ยินก็ฟังดูไม่ค่อยเหมือนเสียงคน แต่เป็นเสียงของอย่างอื่นที่ดังออกมาแต่ไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร
ขณะที่อาเธอร์กำลังจะตะโกนเรียกเป็นครั้งสุดท้าย อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้อง อาเธอร์ทนไม่ได้และต้องดูให้ได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะพังประตูเข้าไป
พยายามเปิดประตู
อาเธอร์พยายามถีบประตูเต็มกำลัง “ปัง ปัง ปัง” จากนั้นลูกทีมคนอื่นๆ ก็ตามเข้ามา และช่วยกันถีบประตูนั้น “ปัง ปัง ปัง” น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าจะใช้แรงจากนักสำรวจทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถที่จะเปิดประตูได้ พวกเขาจึงมองหาเครื่องมือบางอย่างเพื่อเปิดประตูบานใหญ่นี้
อาเธอร์เห็นชะแลงที่มุมห้องและรู้ว่าชะแลงนี้แหละจะช่วยเขาในการเปิดประตู อาเธอร์คว้าชะแลงและตะโกนบอกทีมที่กำลังตามหาเครื่องมือว่าเขาพบชะแลงแล้ว ทุกคนจึงหยุดมองและกลับไปที่ประตู อาเธอร์รีบวิ่งไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น
อาเธอร์ใช้แรงทั้งหมดผลักคันโยกประตู แต่ก็ไม่ได้ผล… จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังอีกครั้ง เป็นเสียงที่อยู่หลังประตูบานนั้น? อาเธอร์ตั้งใจแน่วแน่ที่จะค้นหาว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังประตูบานนั้น เขาบอกกับทีมว่าต้องไปเอาอุปกรณ์จากเบสแคมป์ก่อนแล้วค่อยกลับมาอีกที เพราะเขารู้สึกได้ว่ามีสิ่งสำคัญซ่อนอยู่ในห้องนี้…
ทำเครื่องหมายทางเดิน
เพื่อไม่ให้พวกเขาหลงทางในครั้งต่อไปที่พวกเขาจะกลับมา อาเธอร์และทีมของเขาได้ทำเครื่องหมายไว้ระหว่างทางขณะที่พวกเขากลับไปที่แคมป์ ซึ่งในครั้งต่อไป พวกเขาจะได้มุ่งตรงไปที่ประตูและค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในห้องนั้นได้โดยตรง
ขณะที่พวกเขากลับไปที่เบสแคมป์ ในหัวของอาเธอร์คิดถึงแต่เรื่องประตูลึกลับนี้และประตูนั้นทำให้เขาตื่นเต้นมากและเขารู้สึกว่ามีบางอย่างพิเศษ ที่อาจจะเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาและทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นก็เป็นได้
ในระหว่างการบินกลับไปที่แคมป์ ทีมงานทุกคนคุยกันว่าน่าจะมีอะไรอยู่ในห้องนี้บ้าง หลายคนจึงสันนิษฐานว่าอาจเป็นมนุษย์ พวกเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นที่อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลกเลย
หยิบเครื่องมือการทำงานทั้งหมดที่เบสแคมป์
เมื่อพวกเขาไปถึงเบสแคมป์ พวกเขาทั้งหมดรีบวิ่งออกจากเฮลิคอปเตอร์และไปที่แคมป์เพื่อเตรียมเลื่อยไฟฟ้าและเครื่องมือตอกตะปูทั้งหมดที่อาจเป็นประโยชน์ในการเปิดประตูที่หนาทึบของห้องลึกลับนี้ได้ พวกเขาเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างและรีบกลับไปที่เฮลิคอปเตอร์เพื่อกลับไปที่ซากเรือนั้น
เมื่อพวกเขาไปถึงเฮลิคอปเตอร์ นักบินก็ประหลาดใจ เขาพูดว่า “ตอนนี้ยังขึ้นบินไม่ได้ มันดึกเกินไปและอันตรายเกินไป” แต่ด้านอาเธอร์ไม่ยอมฟัง เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาจะค้นพบต่อไปนี้สำคัญมากกว่าและต้องการไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!
อาเธอร์พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะโน้มน้าวนักบินให้พาพวกเขาไป แต่น่าเสียดายที่นักบินไม่ยอมขยับ เพราะตอนนี้มันอันตรายเกินไปที่จะบินไปกลางทะเลทราย นักบินไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงตามคำพูดของอาเธอร์ ทำให้อาเธอร์เคารพการตัดสินใจของเขา และบอกกับนักบินว่างั้น 6 โมงเช้าพวกเขาจะกลับมาใหม่
ค้นหาอินเทอร์เน็ต
แต่คืนนั้น!! อาเธอร์นอนไม่หลับ และภาพของประตูบานนั้นก็ยังวนอยู่ในหัวของเขาทำให้เขากระวนกระวายใจ จนเขานึกขึ้นได้ว่าอาจจะมีบทความเกี่ยวกับเรือลำนี้บนอินเตอร์เน็ต และเขาก็รีบคว้าแล็ปท็อปและค้นหาข้อมูลนี้ทันที
เขาเปิดแล็ปท็อปและเริ่มค้นหาคำว่า เรือร้างที่สูญหายไป เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงของการค้นหา ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบบางอย่างบนอินเทอร์เน็ต มีคนเขียนบางอย่างเกี่ยวกับซากเรือนี้
เจมส์ นักวิจัยชื่อดัง
มีบทความของนักสำรวจชื่อดังที่เขารู้จัก ชื่อเจมส์ เจมส์พูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับเรือในทะเลทราย และมันก็เป็นสถานที่เดียวกับที่อาเธอร์อยู่ตอนนี้พอดี น่าเสียดายที่เนื้อหาถูกเซ็นเซอร์ไว้ จึงไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก อย่างไรก็ตามอาเธอร์รู้แล้วว่าใครกำลังสนใจเรื่องนี้อยู่และเขาก็รู้จักคนนี้ดีด้วย งั้นลองโทรหาเขาดูเลยน่าจะดี!!
อาเธอร์โทรหาเพื่อนที่เขารู้จัก เพื่อที่จะขอเบอร์ของเจมส์นักสำรวจในวงการเดียวกันกับเขา และการพยายามของอาเธอร์ก็ไม่สูญเปล่า เพื่อนคนนี้มีเบอร์ของเจมส์จริงๆ
อาเธอร์เต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน เขามีเบอร์ติดต่อกับคนที่รู้เรื่องเรือที่น่าขนลุกลำนี้แล้ว เขากดโทรออก และแน่นอน ไม่กี่วินาทีผ่านไปมีเสียงคนรับสาย!!
อธิบายสถานการณ์
อาเธอร์อธิบายให้เจมส์ฟังว่าทำไมเขาถึงโทรมา เขาอธิบายว่า เขาพบเรือนั้นที่เจมส์เคยเขียนบทความ และเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับห้องลึกลับที่มีเสียงลึกลับออกมา ระหว่างพูดคุย อาเธอร์สังเกตุได้ว่า เจมส์ตอบคำถามอย่างคลุมเครือและรู้สึกหวาดระแวง เขาดูไม่เหมือนนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังจากบทสัมภาษณ์ที่อาเธอร์เคยเห็น
เจมส์บอกอาเธอร์ว่าอย่าไปที่นั่น เพราะทั้งหมดมันจะติดตามเขาตลอดไปและทำลายชีวิตของเขา เจมส์ขอให้อาเธอร์สัญญาว่าจะไม่กลับไปที่เรือลำนี้ อาเธอร์รู้สึกประหลาดใจมากกับบทสนทนาแปลกๆ นี้ และถามว่าทำไมเขาถึงจะกลับไปที่เรือลำนั้นไม่ได้?
เจมส์วางสายทันที
แล้วเจมส์ก็พูดว่า “เรือลำนี้มีผีสิง ฉันพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันพลิกชีวิตฉัน ตอนนี้ฉันอยู่บ้านพักคนชรา แค่สัญญากับฉันว่าเธอจะไม่กลับไปที่นั่นอีก ลาก่อน!!” อาเธอร์รู้สึกแปลกๆ กับบทสนทนา และเขาก็กลัวทุกอย่างที่เจมส์พูด อาเธอร์ควรทำอย่างไรดี?
อาเธอร์ตัดสินใจไม่รับคำแนะนำของเจมส์ อาเธอร์เป็นนักวิทยาศาสตร์และชอบสำรวจ และบางทีนี่อาจเป็นการค้นพบครั้งแรกที่ไม่มีใครเคยค้นพบมาก่อนก็ได้ อาเธอร์เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง และเขาอยากรู้มากว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในห้องนั้น พรุ่งนี้เช้าเขาจะกลับไปที่เรือลำนั้นและค้นหาว่ามีอะไรอยู่ในห้องนั้น!
อาหารเช้ากับทีมงาน
อาเธอร์ตื่นขึ้น เขาไปที่ห้องรับประทานอาหารซึ่งเพื่อนร่วมงานทุกคนกำลังทานอาหารเช้าอยู่ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งถามอาเธอร์ว่า ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรือนี้หรือไม่?
อาเธอร์คิดแล้วคิดอีก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเก็บบทสนทนาทางโทรศัพท์ไว้เป็นความลับ เขาตอบกับเพื่อนว่า “ไม่!! ฉันไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้” เขาบอกกับเพื่อนเพียงแค่ว่ามีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งพูดถึงเรื่องนี้ทางออนไลน์แต่ทุกอย่างถูกเซ็นเซอร์ไว้
เขาจึงหาข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้ เพื่อนๆ ในทีมก็เชื่อเช่นนั้นตามที่เขาพูดและกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวสำหรับภารกิจนี้
บอกความจริง?
พอเริ่มทำภารกิจ ทุกคนในทีมตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปทำภารกิจนี้ แต่อาเธอร์รู้สึกเจ็บแปลบจากบทสนทนาระหว่างเขากับเจมส์ และสับสนในใจว่า หรือเขาอาจจะทำให้ทีมตกอยู่ในอันตราย เขาควรจะบอกเพื่อนๆ ถึงเรื่องนี้หรือว่าจะเก็บไว้เป็นความลับต่อไปดี?
แต่ท้ายที่สุดอาเธอร์ตัดสินใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ขณะที่พวกเขาบินข้ามทะเลทราย อาเธอร์เอาแต่คิดถึงสิ่งที่อยู่ในห้องนั้น หรือว่าการค้นหาครั้งนี้จะทำให้เขามีชื่อเสียงที่สยดสยองกันแน่
มาถึงที่เรือ
พวกเขามาถึงเรือหลังจากบินมาเกือบหนึ่งชั่วโมง ทีมทุกคนรู้ว่าคราวนี้ พวกเขากลับมาพร้อมเครื่องมือที่ครบชุด และสามารถเปิดประตูได้อย่างแน่นอน ทุกคนตื่นเต้นมากและอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น
ขณะที่อาเธอร์และกลุ่มของเขาเดินไปตามทางเดินในเรือ ทุกคนมองตากันและต้องตกใจมากเมื่อเห็นว่า สภาพเรือตอนนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรกที่พวกเขาเข้ามา
ประตูในห้องหลายห้องที่เคยถูกปิดไว้ถูกเปิดออก มันแปลกมากเพราะประตูพวกนี้จะปลดล๊อคตัวเองได้ยังไง ต้องมีคนเปิดมัน แต่เป็นใครล่ะ? อาเธอร์รู้สึกขนลุกไปทั่วตัว และเมื่ออาเธอร์ มองไปที่เพื่อนร่วมงานอีกครั้ง แววตาของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเราต้องเดินหน้าต่อไป
อย่างไรก็ตามอาเธอร์ ยังยืนกรานที่จะไปต่อ เขาเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงได้ และนี่อาจเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่จะทำให้คนรู้จักเขาในฐานะนักสำรวจชื่อดังที่ค้นพบสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในยุคนี้ ฉะนั้นเราต้องไปต่อ!!
พวกเขาตกลงกันสักพักแต่ในที่สุดทุกคนก็ตกลงที่จะไปต่อ พวกเขาจึงตรงไปที่ห้องที่อาเธอร์ทำเครื่องหมายไว้ แต่เมื่อไปถึงห้องนี้ประตูยังคงถูกปิดอยู่
ทีมงานเริ่มดำเนินการทันทีและใส่ชุดเครื่องมือที่เหมาะสมเพื่อเปิดประตู! จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเจาะ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากห้องทันที ทุกคนตกใจกับเสียงนั้น!! แต่ทุกคนก็ยังคงตั้งใจจะค้นหาสิ่งประหลาดที่อยู่เบื้องหลังประตูบานนั้น พวกเขาจึงทำการเจาะต่อไป
ในที่สุดประตูก็เปิดออก
พวกเขาได้ยินเสียงประหลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนว่ามีบางอย่าง ไม่อยากให้พวกเขาเปิดประตู แต่ไม่มีใครในกลุ่มรู้สึกหวาดกลัวต่อเสียงดังนี้อีกต่อไป เพราะตอนนี้พวกเขาใกล้จะได้พบสิ่งที่พวกเขาตามหาแล้ว
ในที่สุดความพยายามของพวกเขาก็สำเร็จ ประตูนั้นได้ถูกเปิดออก อาเธอร์เดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ และใช้ไฟฉายส่องดูภายในห้อง ทันใดนั้น!! มีบางอย่างขนาดใหญ่พุ่งผ่านหน้าไป มันคืออะไร!! อาเธอร์พยายามคิด แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก นักเขาจึงวิ่งไปไล่ตามมันไป
อาเธอร์ไล่ล่า
เมื่ออาเธอร์ตามเข้าไปข้างใน อาเธอร์เห็นว่าในนั้นมีทางเดินและห้องอื่นๆ อีก อาเธอร์ประหลาดใจเพราะเขาคิดว่าไม่น่าจะมีห้องอื่นๆ ในนี้อีก แต่ห้องกว้างและสามารถมองเห็นอย่างอื่นได้ชัดเจน
เมื่ออาเธอร์เดินเข้าไปอีกนิด เขาก็เริ่มเห็นภาพชัดขึ้น สิ่งนั้นกำลังพุ่งไปมาและอาเธอร์สังเกตุเห็นว่าสิ่งนั้นรูปร่างเหมือนคน อาเธอร์จึงตะโกนบอกสิ่งนั้นว่า “หยุด หยุด หยุด” แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะไม่ฟัง มันวิ่งไปมาไม่หยุดนิ่ง อาเธอร์จึงตัดสินใจตั้งสติและวิ่งตามสิ่งนั้นไปให้เร็วที่สุด
อาเธอร์ตะโกนให้เขาหยุดวิ่ง
อาเธอร์พุ่งเข้าไปหาสิ่งนั้นอย่างเร็วที่สุดและกระโดดรวบสิ่งนั้นไว้ เขาสัมผัสได้ว่า สิ่งนั้นกำลังพยายามดิ้นและต่อต้านเขาสุดกำลัง และขณะนั้นอาเธอร์ได้กลิ่นแปลกๆ ออกมาจากสิ่งนั้น เมื่ออาเธอร์ใช้กำลังทั้งหมดและควบคุมสิ่งนั้นให้สงบลงได้ เขาจึงหันไปมองสิ่งนั้นให้เต็มตา หลังจากนั้น อาเธอร์ถึงกับตกใจ!!
เพราะนี่คือนักวิทยาศาสตร์ที่เขียนบทความเกี่ยวกับเรือบนอินเทอร์เน็ตที่เขาเพิ่งโทรคุยกันเมื่อคืนที่ผ่านมา อาเธอร์สับสนมากว่านักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคนนี้มาทำอะไรที่นี่ บทความทางอินเตอร์เนตถูกเผยแพร่เมื่อหลายปีที่แล้วแสดงว่าเขาอยู่ที่เรือลำนี้มาหลายปีแล้ว
อาเธอร์ตกใจ…
ท้ายที่สุดเจมส์เปิดเผยกับอาเธอร์ว่า เขาเป็นนักวิจัยที่ตกหลุมรักเรือผีลำนี้และไม่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตตามรูปแบบเดิมๆ ที่เคยเป็นมา อาเธอร์ขอให้เจมส์กลับไปกับเขาเพื่อไปใช้ชีวิตแบบปกติ แต่เจมส์ไม่ต้องการสิ่งนี้!!
และเจมส์ไม่ต้องการให้อาเธอร์เปิดเผยเรื่องนี้ให้โลกรู้ ท้ายที่สุดอาเธอร์ก็เคารพในการตัดสินใจของเจมส์และตกลงที่จะไม่บอกเรื่องนี้กับชาวโลก และทีมของอาเธอร์ก็ออกจากเรือนี้ไปด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้ค้นพบอะไรที่พวกเขาคาดหวังไว้