2. สะพาน Monkey ประเทศเวียดนาม

เพื่อที่จะให้รู้สึกปลอดภัยขณะข้ามสะพานและไม่ทำให้เกิดเสียงดัง คุณจะต้องเดินข้ามสะพานแบบงอตัวโค้งลงเหมือนกับลิง ซึ่งนี้ก็เป็นที่มาของชื่อสะพานที่เรียกกันว่า Monkey นั้นเอง สะพาน Monkey ของเวียดนามเหมาะสำหรับผู้ที่คล่องแคล่วว่องไวและกล้าหาญเท่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นคนท้องถิ่นที่คุ้นชินกับสะพานนี้เป็นอย่างดีเท่านั้น เพราะพวกเขาข้ามสะพานนี้ได้แบบง่ายสบาย ๆ โดยที่ไม่สะดุดอะไรเลย ซึ่งจะใช้คำว่าคุ้นชินกับสะพานนี้ก็คงไม่ถูก แต่คงจะต้องบอกว่าคนที่นี่เขามีทักษะการปรับตัวและใช้ชีวิตร่วมกับสะพานนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าคุณเพิ่งจะมาใช้สะพานนี้เป็นครั้งแรกแล้วละก็ คุณจะต้องใช้ความระมัดระวังแบบขั้นสุดกันเลยทีเดียว สะพานนี้ทำจากลำไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ปักไขว้กันเป็นเสาหลักลงไปในแม่น้ำ แล้วใช้ลำไม้ไผ่เพียงลำเดียววางเป็นแนวทางเดินทอดยาวต่อกันไป

3. สะพาน Quepos ประเทศคอสตาริกา

สะพาน Quepos ในคอสตาริกา นี้มีชื่อที่แสนจะน่าทึ่งอยู่ 2 ชื่อ คือ “สะพาน Oh My God” และอีกชื่อคือ “สะพานแห่งความตาย” โดยสะพานนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งแปซิฟิคทางตอนกลางของคอสตาริกา ซึ่งใช้เชื่อมต่อระหว่างเมือง Jaco และ Quepos โครงสร้างของสะพานนี้ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่นัก เพราะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1930 อีกทั้งยังไม่ได้มีการปรับปรุงหรือพัฒนาอะไรต่ออีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา เป็นสะพานที่ค่อนข้างแคบที่ใช้แผ่นไม้กระดานวางไว้เฉย ๆ แบบนั้น โดยไม่ได้มีการตอกตะปูยึดอะไรทั้งนั้น จึงทำให้เกิดมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดขณะที่รถวิ่งข้ามผ่านตลอดเวลา หากตัดสินใจที่จะใช้สะพานเส้นนี้แล้วละก็ คงจะต้องเตรียมใจให้พร้อมกับการนำชีวิตเข้าไปเสี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดให้ดี

4. สะพาน Seven Mile รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

สะพานนี้ตั้งอยู่ในเกาะ Florida Keys ถือว่าเป็นสะพานที่ยาวมาก ๆ ซึ่งใช้เชื่อมระหว่างเกาะ Knight’s Key ไปจนถึงเกาะ Little Duck Key โครงสร้างของตัวสะพานนี้มีความซับซ้อนทนทานทอดตัวผ่านท้องทะเลอันกว้างใหญ่ได้ ผิวเผินแล้วก็สวยงามไปด้วยทิวทัศน์ตระการตา แต่ความเป็นจริงแล้วมันอันตรายต่อชีวิตเลยทีเดียวหล่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะโดนพายุหรือคลื่นโถมใส่ขณะที่ขับรถเดินทางข้ามสะพานนี้ตอนไหน สะพานนี้ถูกใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1912 ซึ่งปัจจุบันได้ประกาศให้เฉพาะผู้ขับมอเตอร์ไซค์ จักรยาน และคนเดินเท้าทั่วไปใช้สะพานนี้ได้เท่านั้น แม้ว่าสะพานนี้จะดูเหมือนปลอดภัยไม่มีอะไรแต่ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงอยู่ดี

5. สะพาน Millau Viaduct ประเทศฝรั่งเศส

สะพาน Millau Viaduct ถือว่าเป็นสะพานที่สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ด้วยความสูงเฉียดฟ้ามากกว่า 1,100 ฟุต โดยสะพานนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เป็นสุดยอดของความหวาดเสียวสำหรับคนที่กลัวความสูงแบบสุด ๆ เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ลมพัดกระทบสะพาน มันก็จะยิ่งรู้สึกน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วจากภาพนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบที่จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างไร แล้วจะมีชีวิตปลอดภัยหลังจากข้ามสะพานนี้หรือไม่ สะพานนี้สูงตระหง่านมากกว่าหอคอยไอเฟลเสียด้วยซ้ำ โดยถูกสร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อระหว่างเมืองปารีสกับประเทศสเปน และแถมยังยาวสุดลูกหูลูกตาด้วยความยาว 8,000 กว่าฟุต โดยมีเสารองรับตัวสะพานจากหุบเหวที่อยู่เบื้องล่างอยู่เพียง 9 ต้นเท่านั้น

6. สะพาน Storseisundet, ประเทศนอร์เวย์

สะพานนี้อาจมองดูเหมือนภาพลวงตา ดูตลก ๆ สักหน่อย เพราะสะพานนี้มีรูปร่างเหมือนกับรถไฟเหาะหรือ โรลเลอร์โคสเตอร์นั่นเอง รูปร่างของสะพานจะดูบิด ๆ เบี้ยว ๆ เอนเอียงขึ้นลง ที่ออกจะท้าทายต่อหัวใจเหล่าผู้กล้าอยู่ไม่น้อย เพียงแค่ขับรถข้ามสะพานนี้ก็สามารถทำให้เลือดสูบฉีดดีขึ้นได้แล้ว ไม่เพียงเท่านี้ สะพานนี้ยังเป็นจุดที่มักจะเกิดพายุเฮอริเคน เกิดฝนฟ้าคะนอง และคลื่นพายุยักษ์ที่ซัดกลืนสะพานนี้อยู่เสมอ ทั้งรูปทรงที่ประหลาดดูท้าทายแล้วยังจะโดนภัยธรรมชาติโจมตีเข้าอีกแล้วเราจะถูกโจมตีบนสะพานนี้เมื่อไหร่ก็ได้ ฟังดูเหมือนเป็นสะพานมรณะเลยจริงๆ

7. สะพาน Canopy Walk ประเทศกานา

สะพานนี้ห้อยสูงจากต้นไม้ในวนอุทยานแห่งชาติของ Kakum ประเทศกานา โดยสะพาน Canopy Walk นี้ใช้เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของป่าดงดิบอันเขียวขจีที่ตั้งอยู่ในตอนกลางของประเทศ ขอเตือนสำหรับผู้ที่กลัวความสูงว่าอย่าได้ลองข้ามสะพานนี้เป็นอันขาด แต่ถ้าอยากจะลองดูสักครั้งในชีวิต ก็พยายามอย่าหันหลังกลับไปมองโดยเด็ดขาด หรืออย่ามองลงด้านล่างที่สูงจากพื้นดินประมาณ 130 ฟุตด้วยเช่นกันเพราะอาจจะทำให้คุณขาสั่นจนก้าวไม่ออกเลยก็ได้ สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นแบบเรียบง่ายมาก เพียงใช้เชือกยาว 1,150 ฟุต ผูกตรึงกับต้นไม้เจ็ดต้นเท่านั้น นอกจากนี้สะพานนี้ไม่ปลอดภัยที่จะเดินข้ามได้อีกต่อไป เพราะต้นไม้ที่ใช้เชือกผูกติดอยู่นี้มีปลวกขึ้นเต็มไปหมดเสียแล้ว

8. สะพาน Musou Tsuribashi ประเทศญี่ปุ่น

สะพานนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสะพานแขวนที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในส่วนลึกสุดของเกาะ Southern Alps โครงสร้างของสะพานนี้ทำจากลวดสลิง เชือกและแผ่นไม้กระดานบาง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1950 และไม่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมใด ๆ เลยมาจนถึงทุกวันนี้ มองผิวเผินแล้วอาจจะดูไม่ออกเลยว่าสะพานนี้มีสภาพอย่างไร แต่สะพานนี้เริ่มผุพังและพร้อมที่จะกลายเป็นเศษซากปรักหักพังได้ทุกเมื่อแล้ว นี่ยังไม่ได้พูดถึงความโคลงเคลงและความคับแคบของสะพานนี้ที่ต้องระวังอีกนะ แต่ถ้าอยากจะไปเก็บประสบการณ์กับสะพานโบราณให้เป็นประวัติศาสตร์สำคัญในชีวิต ก็ควรที่จะต้องลองแวะไปดูให้เห็นกับตาให้ได้สักครั้งในชีวิตด่วนเลย

9. สะพาน Langkawi Sky ประเทศมาเลเซีย

สะพาน Langkawi Sky เป็นสะพานที่สวยงามแห่งหนึ่งบนเกาะกาวี ประเทศมาเลเซีย ที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปี 2005 มีความยาว 410 ฟุต และสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 2,170 ฟุต แม้ว่ามันอาจจะดูสยองน่ากลัวเวลาเดินข้ามสักหน่อย แต่กลับดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาใช้บริการกันอย่างล้นหลาม จุดชมวิวสูงสุดของสะพานนี้อยู่ที่ Gunung Mat Cincang ซึ่งถือว่าเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองของเกาะลังกาวีเลยทีเดียว

10. สะพาน Titlis Cliff walk ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

สะพาน Titlis Cliff walk เป็นสะพานแขวนบนเนินเขาที่สูงที่สุดในแถบยุโรป สร้างขึ้นในปี 2012 ใช้เวลาสร้างประมาณ 5 เดือน โดยสามารถรับน้ำหนักของหิมะที่ตกลงมาได้ถึง 450 ตัน เบื้องล่างของสะพานนี้ดูออกจะน่ากลัวและหวาดเสียวสักหน่อย เพราะสะพานนี้ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 10,000 ฟุต และยาวถึง 100 ฟุต แม้จะเคลมไว้ว่ามีความปลอดภัยและวางใจหายห่วงได้ แต่ก็อย่าประมาทไป เพราะมันช่างสูงลิบลิ่วซะเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้น สภาพอากาศข้างบนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่าย ๆ อีก เพราะมันเปลี่ยนแปลงขึ้นลงแบบรวดเร็วตลอดเวลา ยากที่จะเข้าใจได้อีกด้วย

11. สะพาน Vitim River, ประเทศรัสเซีย

สะพานแห่งนี้เคยเป็นรางรถไปมาก่อน ซึ่งไม่ปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารอีกต่อไปแล้ว เพราะโครงสร้างของมันเสียหายไปหมดแล้ว แผ่นไม้ทั้งหมดผุพัง และส่วนประกอบทั้งหมดก็เสียหายไม่มีชิ้นดี ตัวสะพานยาวประมาณหกฟุตและไม่กว้างมากนัก ไม่มีรางเหล็กและแนวกั้นอีกแล้ว จึงไม่สามารถที่จะหยุดอุบัติเหตุที่ผู้ขับขี่รถอาจจะตกลงไปตายในน้ำทะเลอันเย็นเฉียบได้ซึ่งลึกประมาณ 15 เมตร หากคนที่มีทักษะในการขับรถดีหน่อยก็อาจจะโชคดีเพราะจะสามารถข้ามสะพานนี้ไปได้ภายในเวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้น

12. สะพาน Puente de Ojuela ประเทศเม็กซิโก

สะพาน Puente de Ojuela เป็นสะพานที่ค่อนข้างทรุดโทรม ทอดยาวข้ามหุบเขาลึกใน Durango และยังไม่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมาหลายทศวรรษคือตั้งแต่ปี 1898 สะพานนี้ใช้เชื่อมต่อเมือง Mapimi กับเหมืองทองคำ สะพานนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากที่เหมืองได้ปิดตัวลง สะพานนี้ก็ไม่ได้ถูกใช้อีกต่อไป ปัจจุบันได้ใช้เป็นเพียงจุดชมวิวสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปมากเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากที่ไม่มีแร่ให้ขุดแล้วเมืองนี้ก็ถูกทิ้งร้างไปเลย

13. สะพาน Royal Gorge, เมืองโคโลราโด

สะพาน Royal Gorge ของเมืองโคโลราโด ถือเป็นสะพานแขวนที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เหมาะสำหรับผู้ที่มีใจกล้าเท่านั้น สะพานนี้ทอดตัวยาวข้ามหุบเขาอันกว้างใหญ่ไปจนถึงเมือง Canon สะพานมีความยาวถึง 1,260 ฟุต และมีความสูงเหนือแม่น้ำ Arkansas อันกว้างใหญ่ถึง 956 ฟุต ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสะพานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทายเป็นอย่างมาก สะพานนี้จะได้รับการซ่อมแซมในทุกๆ ปี โดยการเปลี่ยนแผ่นไม้กระดานจำนวนเพียง 250 แผ่นเท่านั้น

14. สะพาน Sunshine Skyway เมืองฟลอริดา

สะพาน Sunshine Skyway นี้ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกกังวลใจเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยความหวาดเสียวอันตรายอีกด้วย สะพาน Sunshine Skyway จริง ๆ แล้วถูกใช้เพื่อข้ามอ่าว Lower Tampa Bay ที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง St Petersburg และ Terra Ceia แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สะพานนี้เมื่อสภาพอากาศเลวร้าย จากภาพจะสังเกตเห็นว่ามีส่วนที่ยกขึ้นสูงด้วยเสาขนาดใหญ่ 2 ต้น นั่นก็ทำขึ้นเพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางของเรือสมุทรขนาดใหญ่นั่นเอง

15. สะพาน Mekong River Crossing ประเทศจีน

มีความคิดหลายอย่างเลยที่ผุดขึ้นมาในหัว ขณะที่กำลังมองดูรูปภาพนี้ อยากจะรู้จริง ๆ เลยว่าใครกันนะที่ช่างกล้าเดินข้ามสะพานแบบนี้? นอกเสียจากว่า จะมีเงินสัก 1 ล้านดอลล่าร์รออยู่บนสะพานนี้ หรือ มีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้น แล้วนี่มันเรียกว่าสะพานจริง ๆ หรือ? นี่มันแค่เชือกเส้นเดียวเอง ข้างล่างก็เป็นแม่น้ำที่กำลังเกรี้ยวกราด กระแสน้ำแรงซัดไปมาน่ากลัวเลยทีเดียว แต่เจ้าถิ่นที่กำลังเดินข้ามเชือกเส้นเดียวนี้กลับเดินข้ามไปอย่างหน้าตาเฉย ไม่สนใจกับสัญญาณเตือนใด ๆ ของกระแสน้ำเลยสักนิด เขาคงจะต้องใช้ความกล้าและทักษะการทรงตัวขั้นสูงพอสมควรในการใช้สะพานเส้นนี้ อีกทั้งก็ยังไม่แน่ใจว่าถ้าพลาดร่วงตกลงไปแล้ว จะสามารถเอาชีวิตรอดจากแม่น้ำโขงอันแสนจะโหดร้ายนี้ได้อย่างไร

หากคุณได้ไปเที่ยวที่ใดสักแห่ง แล้วพบเห็นสะพานที่น่ากลัวหวาดเสียวแบบนี้อีก อย่าลืมมาเล่าให้พวกเราฟังด้วยนะ