“เช้าวันนั้นผมไปที่สวนมะพร้าวเพราะถึงเวลาในการเก็บเกี่ยวแล้ว ผมมองพวกมันพร้อมกับรอยยิ้มและคิดว่ามันจะทำเงินให้ผมได้เยอะมากเมื่อได้เอาไปขายที่ตลาด มะพร้าวลูกใหญ่และมีสีเขียวสดมาก นั่นยิ่งแสดงว่ามันมีน้ำเต็มผลและพร้อมที่จะให้เก็บเกี่ยวแล้ว”
สิ่งที่สำคัญในการเก็บมะพร้าวคือ จะต้องผ่าดูสองถึงสามลูกเพื่อเช็คว่ามีน้ำเยอะไหม เนื้อเป็นยังไง รสชาติหวานพอแล้วหรือยัง
“แต่ว่า ผมสังเกตเห็นบางอย่างที่มันผิดปกติในมะพร้าวลูกที่สองที่ผมลองเคาะและเขย่าดู”
สิติเคาะและเขย่ามะพร้าว แต่ว่าไม่มีเสียงของน้ำมะพร้าวเหมือนทุกครั้งที่เคยได้ยิน มันเป็นเสียงที่เหมือนมีฟองและมีอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน เขาคิดว่า หรือว่ามันจะเน่า? พร้อมกับเอามะพร้าวมาแนบหูเขย่าและกดมันพร้อมกัน จากนั้นสิติก็ได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่ง
มันเป็นเสียงเบาๆแต่เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกระทบอยู่ด้านในของลูกมะพร้าว ซึ่งมันค่อยข้างจะแปลกมาก!
เขาหยิบมีดในมือมาผ่าออกอย่างแรง เมื่อมะพร้าวแตกออกความลับจึงเปิดเผย…….
ความจริงแล้วข้างในของมะพร้าวไม่ได้เต็มไปด้วยน้ำมะพร้าวที่หวานหอม สิติสังเกตเห็นว่าที่ก้นมะพร้าวมีรูอยู่และด้านในถูกเอาน้ำมะพร้าวออกจนหมดแล้ว มันเต็มไปด้วยบางอย่างที่เหนียวข้นแต่โปร่งแสง ชาวชวนได้แต่งุนงงและสับสนว่ามันคืออะไร
เมื่อเขาลองเอานิ้วกดลงไป มันก็ขยับเด้งขึ้นลงเหมือนกับเยลลี่หรือพุดดิ้งอะไรบางอย่าง “นี่มันอะไรน่ะ มันเข้ามาอยู่ในมะพร้าวฉันได้ยังไง?
จากนั้นเขาก็ได้พยายามตรวจดูว่ามันคืออะไรอย่างระมัดระวังอีกครั้งและพบว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ข้างใน เขาจึงจัดการเอาเยลลี่ออกมาด้วยมือของเขาเอง
ไม่นานก็พบว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในมะพร้าว เป็นถุงพลาสติกที่มัดอย่างหนาแน่น เห็นได้ชัดว่ามีคนไม่ต้องให้ของที่อยู่ข้างในสกปรก
สิติ แก้มัดและมองดูของในถุง ขณะนั้นเอง เขารู้สึกตกตะลึงจนดวงตาเบิกกว้าง เขาตกใจมากจนทำถุงและของในถุงนั้นหล่นลงพื้น เขารีบรวบรวมของที่หล่นใส่กลับเข้าไปในกระเป๋า แล้วโทรแจ้งตำรวจทันที
“คุณตำรวจ มาที่สวนผมด้วยครับ ผมคิดว่ามีอาชญากรรมเกิดขึ้นในสวนของผม”
เรื่องของสิติได้สร้างความประหลาดใจให้กับตำรวจ เนื่องจากมีตำรวจจำนวนมากไปที่สวนของเขา ในเวลาไม่นานบ้านและสวนของเขาก็เต็มไปด้วยผู้ชายในเครื่องแบบและพื้นที่นั้นทั้งหมดก็ได้ถูกกั้นไว้เพื่อความปลอดภัย
สำนักข่าวและบริษัทสื่อต่างๆสังเกตเห็นได้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น จึงได้มาตั้งค่ายนอกพื้นที่เพื่อหวังจะได้เห็นสิ่งผิดปกติที่ค้นพบ
สิติพาตำรวจสายสืบไปที่มะพร้าวลูกนั้นและเอาให้พวกเขาดูว่าเขาได้พบอะไร
สิติได้มัดถุงใหม่แล้วใส่กลับเข้าไปในลูกมะพร้าวที่ตอนนี้ว่างเปล่า เขาไม่กล้าแตะต้องอะไรอีกเพราะกลัวว่าจะถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ก่ออาชญากรรม
เมื่อตำรวจมาถึง เขาเปิดถุงออกและเอาของในถุงให้ตำรวจดู ภายในถุงมีแต่เพชรเม็ดเล็กๆเต็มไปหมด แสงแดดที่ส่องกระทบทำให้พวกมันมีแสงแวววาวสุกใสจนแสบตา
ตำรวจสายสืบถึงกับเบิกตากว้างและทุกนายได้รับมอบหมายให้เริ่มเก็บมะพร้าวทันทีต้องเก็บทุกลูกทั้งหมดจากต้นและนำไปตรวจสอบ
ในช่วงบ่าย การเก็บเกี่ยวได้เสร็จสิ้นลง สิติและพวกตำรวจสายสืบพบมะพร้าวกว่า 80ลูกที่มีเพชรอยู่ข้างใน มูลค่าประมาณ 158,116,461,883 รูปี (เท่ากับ 10 ล้านยูโร)
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่า เพชรเหล่านี้ถูกขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์ในเมืองเดนปาซาร์ เมืองหลวงของบาหลี พิพิธภัณฑ์ดีใจและยินดีอย่างมากที่ได้เพชรกลับมาจากที่ถูกขโมยไป แต่ยังไม่พบว่าใครคือโจร ตำรวจตัดสินใจร่วมมือกับสิติในการคิดแผนจับ
แผนการของพวกเขาคือ…
โจรคิดว่าควรซ่อนเพชรไว้ในมะพร้าวเพราะเวลาในการเก็บเกี่ยวยังเหลืออีกเดือนหนึ่ง แต่พวกมันไม่ได้นับรวมกับช่วงเวลาตอนต้นที่สิติได้เริ่มควบคุมดูแลผลผลิตไป มันวางแผนว่าในอีกสองสามวันจะตัดต้นมะพร้าวและเอาของที่ปล้นมาได้หนีไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่อย่างที่พวกมันคิดอีกต่อไป สิติได้เชิญตำรวจสายสืบไปพักที่บ้านของเขา เพื่อที่พวกเขาจะสามารถเฝ้าจับตารอดู และการรอคอยของพวกเขาก็ใช้เวลาไม่นาน
คืนที่สอง สิติตื่นขึ้นมาเพราะมีเสียงกรอบแกรบบางอย่างที่น่าสงสัย…
เขาปลุกเจ้าหน้าที่ตำรวจและค่อยๆพากันเข้าไปในสวนมะพร้าว โจรไม่คุ้นเคยกับสวนแห่งนี้ ซึ่งช่วยทำให้งานของตำรวจง่ายขึ้น สิติมีแผนการอันชาญฉลาด เขาได้ขุดหลุมรอบๆต้นมะพร้าวและจำตำแหน่งของหลุมที่ขุดไว้ได้เป็นอย่างดีทำให้สามารถนำทางตำรวจผ่านกับดักที่ขุดไว้ไปได้อย่างปลอดภัย
และโจรไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ประมาณ 10 นาทีต่อมา เมื่อพวกมันมาถึงใกล้ๆรอบต้นมะพร้าว ก็ได้ยินเสียงโอดครวญและเสียงตะโกนของพวกมัน พวกมันตกลงไปในหลุมที่ถูกปิดไว้ด้วยใบไม้และกิ่งไม้ ตำรวจจึงสามารถจับกุมพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ตำรวจให้รางวัลแก่สิติพร้อมอบเหรียญรางวัลให้เขา และเขาได้ถูกสื่อยกให้เป็นวีรบุรุษ
“ชาวสวนธรรมดากลายเป็นวีรบุรุษของชาติ จากการทำสวนสู่วีรบุรุษ!”