2. ระดับของน้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อน้ำทะเลตามชายฝั่งแปซิฟิคเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าคุณกำลังจะต้องเผชิญกับคลื่นสึนามิอันดุร้ายนั่นเอง ซึ่งหลายคนอาจจะไม่สนใจ เพียงแต่คิดว่าน้ำทะเลอาจลดลงเพราะภัยแล้งก็เป็นได้ หรือบางคนตื่นตาตื่นใจรีบวิ่งลงไปดูพื้นทะเลบริเวณที่น้ำลดลงนั้น ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณอาจจะหาที่หลบภัยได้ไม่ทันอย่างแน่นอน สึนามนิจะก่อตัวขึ้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลและทำให้คลื่นทะเลยักษ์เคลื่อนตัวอยู่ที่ 500 ไมล์ต่อชั่วโมงจนคุณตั้งตัวไม่ทัน

3. กำแพงเมฆบดบังท้องฟ้า

ก้อนเมฆหนา ๆ กลุ่มใหญ่นี้แสดงให้รู้ว่าจะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากความกดดันของอากาศลอยตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเกิดการรวมตัวกันของก้อนเมฆจนหนาเป็นกำแพงที่ยาวมากถึง 5 ไมล์ และหากกำแพงเมฆเหล่านี้หมุนวนรอบตัวเองก็จะทำให้เกิดเป็นพายุทอร์นาโดที่มีพลังทำลายล้างสูงได้เลย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากเขาสังเกตเห็นกลุ่มเมฆแบบนี้ เขาจะรีบแจ้งประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นให้อพยพทันที

4. คลื่นทะเลตามชายฝั่งกระเพื่อมแรง

หากคุณอยู่ในจุดที่ทะเลพัดเอาซากปรักหักพัก สาหร่าย มารวมกันหรือคลื่นกระเพื่อมกระทบชายฝั่งอย่างหนักนั้นถือเป็นสัญญาณเตือนภัยให้รู้ว่าบริเวณนั้นจะเกิดกระแสน้ำวนใต้ทะเลที่สามารถฉีกทุกอย่างที่เข้าใกล้ให้เป็นชิ้น ๆ ได้ อีกสัญญาณหนึ่งที่สังเกตได้ก็คือระยะของเกลียวคลื่นหรือน้ำทะเลเกิดการเปลี่ยนสี และหากว่าคุณอยู่ในทะเลที่มีลักษณะแบบนี้ให้รีบว่ายน้ำเข้าชายฝั่งให้เร็วที่สุดและหนีให้ไกลจากบริเวณนั้น เหตุการณ์นี้ได้คร่าชีวิตของชาวอเมริกันปีละกว่า 100 ราย ซึ่งเจ้าหน้าช่วยเหลือคนตกน้ำจะต้องสังเกตคลื่นนี้ให้ดีและแจ้งอพยพทุกคนให้ออกจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด

5. สัตว์ทั้งหลายอพยพถิ่นฐาน

เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นพวกหนู แมลง และงู ย้ายบ้านของมัน นั่นหมายความว่าคุณต้องรีบย้ายหนีออกจากบริเวณนั้นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่ก่อนคริสตศักราช 373 ชาวกรีกได้มีการรายงานถึงเหตุการณ์การย้ายถิ่นฐานของสัตว์ต่าง ๆ ขณะที่กำลังจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น อย่างไรก็ตามคุณควรที่จะรีบหนีให้เร็วกว่านี้เพราะแผ่นดินไหวอาจจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีต่อมาก็เป็นได้ ปกติแล้วพวกสัตว์จะสามารถรับรู้ปรากฎการณ์แผ่นดินไหวได้ก่อนมนุษย์เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น จึงอาจจะเป็นสัญญาณเตือนที่ยังช้าเกินไปที่จะเตรียมตัวอพยพหนี

6. สัตว์วิ่งเข้าหามนุษย์

เวลาที่เห็นเหล่านกและสัตว์ป่าต่าง ๆ วิ่งเข้าหามนุษย์นั่นก็เป็นเพราะมันกำลังหนีไฟป่า หากคุณยังไม่แน่ใจให้รีบไปตรวจสอบจุดที่มันวิ่งออกมา ซึ่งคุณอาจจะเห็นควันไฟป่าพุ่งออกมา คุณต้องรีบโทรขอความช่วยเหลือทันที ถือว่าพวกสัตว์ป่าทั้งหลายต่างมีสัญชาตญาณในการลี้ภัยจากธรรมชาติได้ดีพอสมควร แม้พวกมันจะรับรู้ได้อย่างรวดเร็วแต่ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นนั้นก็รวดเร็วไม่แพ้กัน

7. ผมชี้ตั้งเหมือนเกิดไฟฟ้าสถิต

สัญญาณทั่วไปของการเกิดฟ้าแลบฟ้าผ่าเสียงดังกึกก้อง จะสังเกตได้จากผมของคุณที่ตั้งชี้เหมือนเกิดไฟฟ้าสถิต หากเกิดสัญญาณนี้ คุณจะต้องรีบหาที่หลบภัยให้เร็วที่สุดเพราะอาจจะถูกฟ้าผ่าได้ หากว่าคุณหาที่หลบไม่เจอเลยก็ให้หมอบคลานไปกับพื้นเรื่อยๆ จนออกจากบริเวณนั้นได้ เพราะสายฟ้าเคลื่อนตัวมาใกล้คุณมากจนทำให้ผมของคุณเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้

8. ฉลามว่ายเข้าสู่บริเวณน้ำลึก

หากว่าคุณกำลังอยู่บนเรือหรือเจ็ทสกีในกลางทะเล แล้วคุณมองไปเห็นฝูงฉลามที่กำลังว่ายน้ำไปอยู่ในบริเวณน้ำลึก นั่นก็เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าจะเกิดเฮอริเคนหรือพายุโซนร้อนขึ้นอีกในไม่ช้านี้ เพราะฉลามสามารถที่จะสัมผัสถึงความกดอากาศที่ลดลงได้นั่นเอง อีกทั้งฉลามยังสามารถได้ยินเสียงคลื่นความถี่ต่ำใต้น้ำได้อย่างชัดเจน ทำให้พวกมันสามารถลี้ภัยได้ทันเวลา

9. เสียงแม่น้ำไหลเชี่ยวซัดกระทบฝั่ง

สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำหรือลำคลองแล้วได้ยินเสียงของแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวแรงกระทบฝั่งเสียงดังน่ากลัว โดยเฉพาะเวลาที่ฝนตกนั้น เป็นสัญญาณเตือนให้คุณรีบหนีขึ้นไปอยู่ที่สูงให้เร็วที่สุด หากไม่รีบแล้วละก็คุณอาจจะตกเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมฉับพลันและอาจจะเลวร้ายจนถึงกับจมน้ำเสียชีวิตได้ น้ำท่วมฉับพลันนั้นอันตรายมาก ๆ เพราะสามารถที่จะท่วมอาคารสูง ๆ พังสะพาน ถอนรากถอนโคนต้นไม้ และพัดเอาก้อนหินยักษ์มาถล่มได้ในเพียงไม่กี่นาที น้ำท่วมฉับพลันเป็นสิ่งที่ผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำต้องรู้จักเรียนรู้สัญญาณเตือนไว้ให้ดีเพื่อจะได้รอดพ้นจากการสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตได้

10. เมื่อนกกระจ้อยปีกทองอพยพหนี

สัญญาณเตือนอย่างหนึ่งที่จะบอกให้รู้ถึงการเกิดทอร์นาโดนั้นคือการเห็นนกกระจ้อยปีกทองบินอพยพหนีกัน หากคุณเห็นเหตุการณ์นี้ก็ให้รีบหาที่หลบภัยชั่วคราวเลยทันที เพราะเป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ที่จะได้ยินคลื่นเสียงความถี่ต่ำ แต่สำหรับนกเหล่านี้ได้ยินเป็นอย่างดีเลยล่ะ ส่วนใหญ่แล้วนกกระจ้อยมักจะหลบซ่อนจากสายตามนุยษ์จึงอาจจะทำให้เราสังเกตได้ยาก แต่หากเราสังเกตเห็นพวกมันเป็นฝูงใหญ่กำลังอพยพก็อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด

11. วงรัศมีล้อมรอบดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

หากคุณเห็นรัศมีวงแหวนลึกลับส่องประกายอยู่รอบ ๆ ดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ให้รู้เลยว่านี้คือสัญญาณอันตราย เพราะนี่คือสัญญาณเตือนให้รู้ก่อนที่จะเกิดพายุ ซึ่งฝนกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาจากนั้นก็จะเทลงมาเป็นฝนห่าใหญ่ขึ้นภายใน 24 ถึง 48  ชั่วโมงต่อมา ซึ่งก็ยังพอมีเวลาที่จะเตรียมตัวให้ปลอดภัยจากพายุฝนนี้ได้ น่าเสียดายที่ภาพวงแหวนอันสวยงามเช่นนี้กำลังนำหายนะครั้งใหญ่เข้ามาใกล้ตัวเรามากขึ้น

12. ฝูงปลาเกยตื้น

หากมีปลาหรือสัตว์น้ำจำนวนมากขึ้นมานอนเกยตื้นแผ่หลาอยู่บนชายหาด นั้นหมายความว่าน้ำทะเลบริเวณนั้นอาจปนเปื้อนสารพิษ ส่วนใหญ่แล้วบริเวณนั้นจะมองเห็นตะไคร้น้ำเป็นสีแดงซึ่งเกิดจากสารพิษ ให้รีบนำน้ำไปตรวจสอบว่ามีสารพิษจริงหรือไม่ เพราะบางทีตะไคร้สีแดงหรือสีน้ำตาลเข้มนั้นอาจเจอในบริเวณน้ำสะอาดได้ด้วยเช่นกัน เหตุการณ์ที่พบสารปนเปื้อนนี้ล้วนเกิดจากฝีมือของมนุษย์เราจึงควรที่จะช่วยกันสอดส่องดูและธรรมชาติให้มากกว่านี้ เพื่อรักษาชีวิตของสัตว์น้ำเหล่านี้ให้ปลอดภัย

13. สุดยอดสัญชาตญาณของสุนัข

นี่อาจจะไม่ได้เรียกว่าเป็นภัยจากธรรมชาติแต่มะเร็งก็ถือว่าเป็นภัยต่อชีวิตอย่างหนึ่งเช่นกัน โชคดีสำหรับผู้เลี้ยงสุนัข เพราะสุนัขสามารถรับรู้ถึงเนื้อร้ายหรือบริเวณที่เสื่อมโทรมของร่างกายเราได้ หากคุณเล่นกับเพื่อนรักสี่ขาอย่างสุนัขของคุณอยู่ แล้วมันเกิดเลียหรือดมที่จุดใดจุดหนึ่งในตัวคุณเป็นพิเศษและมักจะทำอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ ให้คุณรีบไปพบแพทย์ เพราะสุนัขสามารถที่จะได้กลิ่นของมะเร็งร้ายที่อยู่ในตัวคุณได้ อีกทั้งยังสามารถดมแยกแยะกลิ่นฉี่ของคนที่เป็นมะเร็งกับคนที่ไม่ได้เป็นมะเร็งได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าสุนัขมีประสาทสัมผัสมากกว่ามนุษย์ถึง 10,000 – 100,000 เท่า ประกอบกับมีความผูกพันกับมนุษย์มามากกว่า 1 แสนปี จึงทำให้มันรู้จักระบบภายในร่างกายของมนุษย์เป็นอย่างดี

14. พื้นน้ำแข็งแตก

ทุกครั้งที่กำลังเล่นสกีต้องระวังเรื่องของหิมะถล่มลงมาจากภูเขาเสมอ วิธีหนึ่งที่จะสังเกตได้คือการตรวจสอบแผ่นหิมะว่า มันกลวงหรือมีเสียงอะไรแปลก ๆ หรือไม่ จากนั้นก็ให้ตรวจสอบรอยแตกของหิมะบริเวณใต้หรือรอบ ๆ เท้าของคุณด้วย เหตุการณ์นี้อันตรายมากซึ่งคุณอาจจะหนีไม่พ้นก็เป็นได้เพราะหิมะสามารถที่จะเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็วถึง 80 ไมล์ต่อชั่วโมง

15. ระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อฝนตกอย่างหนักและต่อเนื่อง ระดับน้ำในแม่น้ำและลำคลองก็จะเพิ่มสูงขึ้น นั่นถือเป็นสัญญาณว่าจะเกิดน้ำท่วมขึ้น นอกจากนี้สีของน้ำที่เป็นสีออกน้ำตาลปนโคลนก็สามารถที่จะบอกได้เช่นกันให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้ถนนที่มีน้ำขึ้นแบบนี้เพราะรถของคุณอาจจะติดแหงกอยู่ตรงนั้นและอาจจะถูกน้ำซัดพัดหายไปเลยก็ได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถสังเกตได้ทันเวลาเพราะกว่าจะรู้ตัวก็คงสายเกินไปแล้ว

16. ท้องทะเลส่งเสียงคำราม

บางครั้งคุณจะสามารถได้ยินเสียงดังแปลกประหลาดจากท้องทะเลและนั่นเป็นเสียงที่จะบอกให้คุณรู้ว่าจะสึนามิกำลังใกล้เข้ามา เพราะปกติแล้วสึนามิจะเกิดจากแผ่นดินไหวบริเวณใต้ท้องทะเลจึงทำให้เกิดเสียงดังขึ้นได้ คุณต้องรีบหนีไปให้ไกลจากที่นั่นทันที แต่สมัยนี้มีเสียงโวยวายพูดคุยและเสียงรถบนท้องถนนตามชายฝั่งเต็มไปหมด เราคงไม่ได้ยินเสียงของทะเลที่ชัดเจนแน่ๆ

17. ท้องฟ้าสีเขียว

แม้แต่กลิตเตอร์ก็ไม่ได้มีแต่สีทอง และท้องฟ้าที่บอกว่าสวยก็ไม่ได้เป็นสีรุ้งเสมอไป ท้องฟ้ายังมีสีเขียวที่สวยงามซึ่งเกิดจากแสงสีแดงจากดวงอาทิตย์กระทบกับแสงสีฟ้าจากพายุฝน หากคุณเห็นท้องฟ้าสีเขียวนี้ก็อย่ามัวแต่ยืนชื่นชมความงามของมันอยู่ แต่ให้รู้ไว้เลยว่าก้อนเมฆได้ยกตัวสูงขึ้นและพายุทอร์นาโดหรือพายุลูกเห็บกำลังใกล้เข้ามา ให้รีบหาที่หลบภัยทันทีเพราะสีเขียวของท้องฟ้าบ่งบอกถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างมากนั่นเอง ถ้าหากคุณไม่อยากเจอภาพอันโหดร้ายของการทำลายล้างหลังจากนี้ก็ควรที่จะรีบเข้าไปในบ้านหรืออพยพไปในที่ที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด

18. สภาพทะเลสาบรอบ ๆ ภูเขาไฟร้อนอบอ้าว

หากทะเลสาบที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟนั้นร้อนอบอ้าวและไม่เคยเย็นขึ้นเลยแสดงว่าจะเกิดเรื่องอันตรายขึ้นแน่ ๆ บางวันอาจจะเห็นว่ามีน้ำพุ่งหรือปะทุขึ้นมา นั่นเป็นเพราะความดันที่เกิดขึ้นจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ใต้ก้นทะเลดันน้ำขึ้นมา และหากคุณไปอยู่ใกล้บริเวณนั้นและเกิดการปะทุขึ้น คุณไม่รอดแน่! ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีชื่อว่า Limnic Eruption หรือการปะทุของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลางทะเลสาบซึ่งก๊าซพิษนี้จะกระจายตัวไปอย่างรวดเร็วที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

19. คลื่นทะเลทรงสี่เหลี่ยม

เมื่อคลื่นทะเลวิ่งชนกันก็จะเกิดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมขึ้น ซึ่งมันดูสวยงามแปลกตามากก็จริง แต่มันน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลยล่ะ เพราะว่าคลื่นแบบนี้สามารถที่จะทำให้เรือใหญ่อัปปางและดูดกลืนเอาชีวิตของเราลงก้นทะเลลึกได้เลย เหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของคลื่นแบบนี้เกิดขึ้นที่ Isle of Rhe ประเทศฝรั่งเศสและยังพบได้อีกที่นิวซีแลนด์เช่นกัน คลื่นแบบนี้ทรงพลังมากๆ โดยมีแรงพุ่งชนมหาศาลจนทำให้เกิดเห็นเป็นรูปสี่เหลี่ยมได้อย่างชัดเจน

20. หลุมเมฆบนท้องฟ้า

หลุมที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้านี้ เรียกกันว่า หลุมเมฆ ถือเป็นสัญญาณอันตราย หลุมนี้คืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร? หลุมนี้เกิดจากละอองน้ำขนาดเล็กในเมฆระดับกลางถึงระดับสูง ซึ่งรวมตัวกันจากอุณหภูมิระดับที่ต่ำกว่าการแช่แข็งแต่ยังไม่ได้แข็งตัว เครื่องบินที่บินผ่านหลุมเมฆนี้จะรู้สึกหนาวมากเหมือนอยู่ในช่องแช่แข็งเลย นักบินเองก็ควรที่จะหลักเลี่ยงการบินผ่านบริเวณนี้เพื่อความปลอดภัย
เมื่อเกิดเกล็ดน้ำแข็งเพิ่มขึ้น มันก็จะค่อย ๆ ตกลงไปเป็นละอองน้ำและละเหยไป อาจจะฟังดูไม่ค่อยน่ากลัวในระยะนี้ แต่เมื่อใดที่มันก่อตัวหนาขึ้นเกาะตัวเป็นแนวน้ำแข็งใหญ่มาก ๆ มันก็จะแตกและตกลงจากฟ้าไปโดนตัวคุณจนเสียชีวิตได้ ระวังตัวด้วยนะ!

ภัยธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างจริงจัง ดังนั้นคุณจึงควรที่จะให้ความสำคัญและปฏิบัติตามทันทีเพื่อความปลอดภัย หากคุณรู้จักสัญญาณเตือนภัยธรรมชาติอื่น ๆ อีก ช่วยแบ่งปันให้เรารู้ด้วยนะ